วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เรื่องเล่าของเรื่องเล่าในหลวงและพระราชภารกิจพระราชทานปริญญาบัตร 1 ใบ (ซึ้งนะ)
เป็น เรื่องที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนเฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ อย่าใจจดใจจ่อ ภาพถ่ายวันพระราชทานปริญญาบัตรกลายเป็นของล้ำค่าประดับไว้ตามบ้านเรือน เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา
จน 29 ปีต่อมา มีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันต่อว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตรนั้น เป็นพระราชภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย หนังสือพิมพ์ลงว่าหาเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละราว 3 ชม. เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์ในการพระราชทานปริญญาบัตร 470000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรใบละ 3 ขีด รวมน้ำหนักที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน
ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ยังเล่าเสริมให้เห็นถึง”ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ” ที่ไม่มีใครคาดถึงว่าท่านไม่ได้เพียงพระราชทานเฉยๆ ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลาว่า มีโบหลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านก็ทรงผูกใหม่ให้เรียบร้อย บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวันฝุ่นมันจับ พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้กราบบงคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จพระราชทานปริญญา บัตรลงบ้าง โดยอาจงดเว้นการพระราชทานปริญญาบัตร ป.ตรี คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโทขึ้นไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมีพระกระแสรับสั่งตอบว่า “พระองค์เสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปีๆ เปรียบกันไม่ได้เลย”
ที่สำคัญคือ ทรงเห็นว่าพระราชทางปริญญาสำหับผู้สำเร็จปริญญาตรีนั้นสำคัญ เพราะบางคนอาจจะไม่มีโอกาสศึกษาขั้นปริญญาโทและปริญญาเอก
ดังนั้น “จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจนกว่าจะไม่มีแรง”
ขอพระองค์ทรงพระจริญ
ขอบคุณข้อความดีๆ จาก http://dek-d.com
ขนมดอกลำดวน (ขนมไทย)

|
ฝอยทอง (ขนมไทย)
![]() |
|
เครื่องดื่มคลายร้อน

วันนี้ เรามาทำเครื่องดื่มคลายร้อนแบบง่ายแสนง่าย
แล้วยังอร่อยสดชื่นอีกด้วย บลู เลม่อน หรือน้ำมะนาวสีฟ้า รสชาติ
เปรี้ยว หวาน และหอมสดชื่น ถ้าใครชอบรสซ่าๆ แบบโซดา ก็สามารถ
ดัดแปลง ใช้โซดา แทนน้ำเปล่าได้เลยค่ะ พอดีเจทท์ดื่มโซดาไม่ได้
เลยทำเป็นสูตรน้ำมะนาวธรรมดานะคะ
ตะแรก ตั้งใจจะใช้ชื่อเก๋ๆ ว่า Fly to the Sky แต่กลัวคนอื่นจะว่าเว่อร์
เลยเอาชื่อธรรมดาๆ ของเขาละกันนะคะ

ส่วนผสมมีไม่กี่อย่างเองค่ะ
น้ำเปล่า 6 oz.
น้ำเชื่อมแบบใส 3/4 oz. + - ตามชอบ
ไซรัป กลิ่น บลูคาลาสโซ ของ ดาวินชี 1 oz. + - ตามชอบ
น้ำแข็งบด
น้ำมะนาวสด 1 ลูก
ถ้าไม่มีใช้ผงมะนาวแทนได้นะคะ ใช้ประมาณ 1 ช้อนกาแฟพูนนิดๆ
เจทท์ใช้ผงมะนาวของคนอร์ค่ะ เพราะสะดวกดี เก็บง่ายกว่ามะนาวสด
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือรสชาติคงที่ดี ใช้มะนาวสด บางลูกก็ไม่เปรี้ยวซะนี่
บางลูกก็บีบออกมาไม่ค่อยมีน้ำอีก

เริ่มเลยค่ะ เทน้ำใส่ถ้วยตวง 6 ออนซ์ ในรูปนี้เจทท์เทผิดค่ะ ขาดไปนิดนึง ไม่เป็นไร


นางเอกของเราค่ะ บลูคาลาสโซ่ ของดาวินชี

ใช้ประมาณเท่านี้

น้ำเชื่อมใส

ใส่ผงมะนาวในน้ำเปล่า คนให้ละลาย แล้วเทใส่โถปั่น พร้อมกับน้ำเชื่อมใส
และไซรัป กลิ่นบลูคาลาสโซ่

น้ำแข็ง 1 แก้ว ขนาด 16 oz.

เอาทุกอย่างใส่โถปั่น

แล้วก็กดปุ่ม ปั่นให้เนียนละเอียด
ปั่นเสร็จแอบดูก่อนนิดนึงค่ะ ว่าใช้ได้หรือยัง

ใช้ได้แล้วก็ เทใส่แก้ว ปักหลอด ชิมได้เลยค่ะ


ดูใกล้ๆ ภาพถ่ายสีจะเพี้ยนหน่อยนะคะ พอดีไฟบนเพดาน แดงไปนิสส์
ไว้วันหลัง จะทำตอนกลางวันภาพจะได้สีไม่เพี้ยนนิ
ทานกับชีสเค้กละกันนะคะ วันนี้ จะได้ไม่หนักท้องเกินไป

ลองทำกันดูนะคะ อร่อย หรือไม่อร่อยยังไง ก็บอกกันได้ค่ะ
จบแล้วค่ะ

ขอบคุณความรู้ดีๆ จาก
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tig-tag&date=17-09-2007&group=2&gblog=3
วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ผักสมุนไพร (อาหารล้างพิษ)
อาหารล้างพิษ
................................................
คึ่นช่าย
..........................................................................................................................................................................
มะเขือพวง
คนไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารบางประเภท เช่น ผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิ และน้ำพริก สมัยก่อนแกงกะทิอย่าง แกงไก่ จะใส่มะเขือพวงเป็นปริมาณมาก ใส่ไก่น้อย เน้นการกินมะเขือเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันกลับตรงกันข้าม แกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือ และคนส่วนใหญ่ก็จะเลือกกินแต่ไก่ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อน มะเขือพวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย ได้อีกด้วย
..........................................................................................................................................................................
พืชตระกูลถั่ว
ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำจะมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วย พืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วยค่ะ
ขอบคุณความรู้ดีๆ จาก http://www.hilunch.com/วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนเดี๋ยวคราวหน้าเรามาแชร์กันต่อ
เพื่อนๆ!! มาทำความรู้จักประเทศสิงคโปร์กันเถอะ
ตราแผ่นดิน
โล่สีแดงประดับจันทร์เสี้ยวและกลุ่มดาว ๕ ดวง ข้างซ้ายเป็นสิงโต แทนสิงคโปร์ ข้างขวาเป็นเสือโคร่ง แทนความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของเกาะกับมาเลเซีย ข้างใต้มีคำขวัญ "Majulah singapura:" ซึ่งมีความหมายว่า "สิงคโปร์จงเจริญ"
สัญลักษณ์ประจำชาติ
สิงคโปร์มีสัญลักษณ์ประจำชาติ คือ สิงโต ซึ่งเป็นที่มาของชื่อประเทศ มาจากคำว่า สิงคปุระ (Singapura) เป็นภาษาสันสกฤต หมายถึงเมืองแห่งสิงโต สัญลักษณ์นี้เป็น ตัวแทนของความกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง และความดีเลิศ สิงโตจะเป็นสีแดงทั้งหมด ซึ่งตัดกับพื้นหลังสีขาว ๒ สีนี้ เป็นสีของธงชาติ แผงคอเป็นสิงโตมี ๕ แฉก มี ความหมายเช่นเดียวกับกลุ่มดาวทั้ง ๕ ลักษณะท่าทางที่มุ่งมั่นของสิงโต แแสดงถึง จิตใจที่เป็นหนึ่งเดียวของประเทศที่พร้อมจะเผชิญกับอุปสรรคทั้งหลายและชนะ อุปสรรคเหล่านั้น
ธงชาติของสิงคโปร์แบ่งเป็น ๒ ส่วนเท่า ๆ กัน ตามแนวนอน

- ส่วนบนเป็น สีแดง : เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องและความเสมอภาคของมนุษย์
- ส่วนล่างเป็นสีขาว : เป็นสัญลักษณ์ของความดี และความบริสุทธิ์ที่เจริญงอกงามไม่มี ที่สิ้นสุด
- พระจันทร์เสี้ยว เป็นสัญลักษณ์ของประเทศที่กำลังเจริญก้าวหน้า
- กลุ่มดาว ๕ ดวง เป็นประชาธิปไตยสันติภาพ ความเจริญก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเสมอภาค
ประเทศสิงคโปร์มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Republic of Singapore) พื้นที่ส่วนใหญเป็น เกาะซึ่ง่ประกอบด้วยเกาะสิงคโปร์และเกาะใหญ่น้อยบริเวณใกล้เคียง 63 เกาะ มีพื้นที่ รวมทั้งสิ้น 682.7 ตารางกิโลเมตร (ประมาณเกาะภูเก็ต) โดยมี
ทิศเหนือ ติด มาเลเซีย (Johor Bahru)
ทิศตะวันออก ติด ทะเลจีนใต้
ทิศตะวันตก ติด มาเลเซีย และช่องแคบมะละกา
ทิศใต้ ติด ช่องแคบมะละกา
เกาะสิงคโปร์เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาวจากทิศตะวันตกไปตะวันออกประมาณ 42 กิโลเมตร และความกว้างจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ประมาณ 23 กิโลเมตร โดยมีกรุงสิงคโปร์เป็นเมืองหลวง มีการปกครองแบบสาธารณรัฐแบบ Parliamentary Republic ในเครือจักรภพ โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ วันชาติตรงกับวันที่ 9 สิงหาคม (1965) ของทุกปี
สิงคโปร์ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมแห่งความหลากหลาย มีจำนวนประชากรประมาณ 4.35 ล้านคน (2548) ซึ่งเป็นชาวจีน 77% มาเลย์ 14% อินเดียน 7.6%และอื่นๆ 1.4% ภาษาทางการที่ใช้จึงมีทั้งภาษาจีน มาเลย์ ทมิฬและอังกฤษ มีศาสนาประจำชาติคือ พุทธศาสนา มุสลิม ฮินดู คริสต์เตียน เต๋า ซิกซ์ และลัทธิขงจื้อ
ตรงมุมซ้ายด้านบนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีขาวข้าง ๆ มีกลุ่มดาวสี ขาว ๕ ดวง เรียงเป็นวงกลม